ปกติเรามักจะทานอาหารที่เป็น Tasting menu คู่กับไวน์ หรือ สาเก วันนี้ได้เวลาลองเปิดใจหาของกินอะไรใหม่ๆเพื่อเปิดประสบการณ์เรื่องอาหารให้กว้างขึ้น
ที่นี่เลย ” The Upper Mikkeller ” อยากลองทันที หลังจากได้อ่านรายละเอียดคร่าวๆ ว่าเซฟ Dan Bark ซึ่งเคยทำงานที่ร้านชื่อดัง Michellin Star 3 ดาวที่ Chicago ปัจจุบันมาทำอาหารที่นี่ โดยอาหารจะเป็นแบบก้าวล้ำ ใช้เทคนิคการทำอาหารต่างๆ กับวัตถุดิบท้องถิ่นที่หาได้ในแต่ละช่วงเวลา รสชาติอาหารจะเน้นเป็นหลายแบบมีทั้ง แบบครีมๆ ข้นๆ และ เบาๆสบายปาก โดยจะให้มี texture หลายๆอย่างกินพร้อมกันในคำเดียว และที่สำคัญคือการจับคู่อาหารสไตล์นี้ทานกับเบียร์เป็นครั้งแรก แค่ concept ก็ว้าวแล้ว 😆 !!! ต้องบอกก่อนว่า …ส่วนตัวแล้วปกติไม่ถนัดทานเบียร์ การทานอาหารในครั้งเลยค่อนข้างจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่ากับอาหารในค่ำคืนนี้ 9 เมนูเบาๆ
เริ่มต้นด้วยการทักทายอย่างเป็นกันเองกับ Ryan (ขอโทษถ้าสะกดชื่อผิดนะคะ) ซึ่งทำหน้าที่เหมือน Sommelier ที่ช่วยแนะนำเครื่องดื่ม Ryanก็เข้ามาถามว่าชอบดื่มประมาณไหน และให้ choice มาให้เลือกเนื่องจากไม่ค่อยถนัดเบียร์ และแล้วในที่สุดเพื่อความสบายใจก็ขอเริ่มด้วย Meed คือ ไวน์ที่ทำมาจากน้ำผึ้ง 😉 หวาน หอม ก่อนเบียร์ก็แล้วกัน 😜
อาหารทานเล่นคำแรกเพื่อเรียกน้ำย่อย และปรับลิ้นเตรียมทานอาหารจานต่อๆไปก็คือ Melon ที่ตัดเป็นเหมือนรูปปากยิ้ม หวามหอมกรอบ ทานเป็นคำคู่กันกับซอสที่มีรสชาติคล้ายนมกะทิ
จาน 1 : IKURA – Sesame, kalamansi, cucumber ของโปรดเลยไข่ปลาแซลม่อน ด้านล่างเป็นคล้ายเม็ดสาคู สีเขียวเป็นแตงกวาที่ใช้เทคนิคการแปรรูปอาหารทำให้ออกมาเป็น Granita ทานทุกอย่างเข้าไปในคำเดียวกัน อืมมม !! อร่อยดี
และเริ่มด้วยเบียร์ขวดแรก มีขายเฉพาะที่ Mikkeller ที่นี่ และถ้าไม่ผิดสมุย หรือ villa นี่แหละ 😆😜
เมื่อดื่มเบียร์หลังอาหารจานนี้ ที่สังเกตได้ คือ เบียร์ช่วยดับกลิ่นคาวได้สนิท เตรียมพร้อมสู่อาหารจานถัดไป
จาน 2 : Pea- brioche, egg yolk, lemon สลัดรสชาติเปรี้ยวนิดๆ ทานตัดคาวกับham และมีความcreamy ของตัวซอสสีขาว
จาน 3 : Sunchoke – mustard, milk curd, celery ทานคู่กับเบียร์เย็นๆ รสสตรอว์เบอร์รี่ เหมือนได้กิน French fries คู่กับเบียร์คะจานนี้
จาน 4 : Scallop – watermelon, kelp, nasturtium หลังจากเจออาหารทอดแล้ว จานนี้ให้ความรู้สึกสดชื่น เบาๆ หวานๆ แปลกๆดีคะจานนี้… เหมือนกินสลัดผลไม้ที่มีน้ำเยอะๆ ด้านบนเป็นแผ่นแป้งอบกรอบให้ทานพร้อมกัน
ทานจานนี้คู่กับ Meed ที่รสชาติแรงกว่าแก้วแรกนิดนึง หวานกว่า กลิ่นแรงกว่า
จาน 5 : Consommé – pumpkin, capsicum, rice berry … ซุปใสที่เข้มข้น จานนี้chefใช้อีกหนึ่งเทคนิคที่ คือ ใช้ความร้อนด้านล่านเมื่อน้ำซุปเดือดน้ำซุปจะผ่านขึ้นไปยังสมุนไพรต่างๆด้านบน น้ำซุปที่ได้ออกมาจึงหอมมมมม ทานคู่กับไก่และฟักทองคะ
เข้าสู่จานที่ 5 …ถึงตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าเบียร์อาจจะไม่เข้ากับอาหารจานนี้แล้วละ 😅 หรือ เราอาจชินกับเครื่องดื่มประเภทอื่นมากกว่า
จาน 6 : Mushroom- parmesan, truffle, sorrel จานผักทั้งหมด ก่อนทานดึงแก้วตรงกลางออก น้ำซุปจะไหล่ออกมา
จาน 7 : Duck- kumquat, olive, leek จานนี้ใช้เทคนิคการ Sous Vie การใช้เครื่องสูญญากาศแพ็ควัตถุดิบแล้ว cook ในนั้นเพื่อไม่ให้น้ำของอาหารระเหยออกมา ทำให้อาหารอร่อยแบบจานนี้แหละคะ 😉
ล้างปากด้วยช็อกโกแลตก่อนเข้าสู่ menu ของหวาน 🙂 ด้านในchocolate เป็นน้ำเสาวรสสด ต้องทานทั้งลูกนะคะไม่งั้นน้ำพุ่งออกมาเลอะเทอะได้
จาน 8 : Coconut – pineapple, pernod, basil
จาน 9 : Lychee – plum, pistachio, rice มีคล้ายๆไอศรีมให้ทานคู่กับลิ้นจี่และแป้งเหนียวๆ
โดยส่วนตัวแล้วทุกครั้งที่ทาน Tasting menu ก็มักจะคิดว่า วันนี้เราตั้งใจมาดูงานศิลปะของเชฟแต่ละคนมากกว่าจะเข้าไปมองแค่ว่าอาหารแต่ละจานอร่อยหรือไม่อร่อย อาหารทุกจานฟี่เชื่อว่าเขากำลังพยายามสื่อสารอะไรมากับเราอยู่ แล้วเราgetกับงานของเขาไหม ความอร่อยหรือไม่อร่อยนั้นเป็นเรื่องลองไปเลย
อาหารเป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่ไม่ใช้ใครทุกคนจะเข้าใจ และไม่ใช้ใครทุกคนจะ copy เอกลักษณ์ของคนอื่นได้ ในวันนี้ฟี่อาจจะยังไปไม่ถึง ไม่เข้าใจในอาหารหลายๆจานวันนี้ แต่ก็นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี ที่ได้มาเห็น มาทดลองชิม ได้มาสัมผัสกับความตั้งใจอันดีของ chef และ ทีมงานทุกคนค่ะ …
💰ราคาอาหารไม่รวมเครื่องดื่ม 3,300 บาท ++
🚗มีที่จอดรถในซอย แต่ไม่มาก
📞ควรโทรจองนะคะ เพราะมีที่นั่งไม่เยอะ
😋ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารและการท่องเที่ยวได้ที่
IG & FB page : Toffy Gastronomy